หากพูดถึงประเพณีแห่เทียนพรรษา หลายคนคงต้องนึกถึงจังหวัดอุบลราชธานี ซึ่งงานบุญที่ยิ่งใหญ่ที่สุดนี้ มีมาตั้งแต่ปีพ.ศ. 2470 จนถึงปัจจุบัน เป็นเวลากว่า 83 ปีแล้ว
เบื้องหลังความสวยงามและความยิ่งใหญ่ของขบวนคือแรงศรัทธา แรงกายและแรงใจของชาวบ้านที่ใช้เวลาร่วมเดือน ทุ่มเท ประดิษฐ์เทียนพรรษาอันวิจิตร เข้าร่วมขบวนแห่และถวายเป็นกุศลบุญแก่วัดในช่วงเข้าพรรษา
เช่นที่วัดพระธาตุหนองบัว อำเภอเมือง จังหวัดอุบลราชธานี ช่างหลอมเทียนประจำคุ้มวัด จะเป็นผู้นำเทียนจากการบริจาคของชาวบ้านและที่ซื้อหามาเพิ่มเติม หลอมรวมกันจนได้สีเทียนที่เหลืองเข้ม นำไปเทลงแบบพิมพ์ ทิ้งจนเทียนเกาะติดกันและแห้งสนิท จึงแกะเทียนนำไปแปะเข้ากับโครงร่างที่ขึ้นแบบรอไว้ พร้อมให้ช่างแกะสลักเทียนวาดลวดลายอันวิจิตรเต็มฝีมือ สร้างสรรค์รูปร่างตามจินตนาการ
จากวัดพระธาตุหนองบัวห่างออกไปทางทิศตะวันออกราว 3 กิโลเมตร ที่วัดบูรพา ตำบลในเมือง อำเภอเมือง จังหวัดอุบลราชธานี ที่นี่ยังคงรักษาขนบธรรมเนียมประเพณีการทำเทียนพรรษาเอาไว้ด้วยการใช้วิธีการติดพิมพ์ นั่นคือการที่ช่างทำเทียน นำเอาขี้ผึ้งต้มให้ละลาย จากนั้นเทใส่แม่พิมพ์ที่แกะเป็นรูปเตรียมไว้ เมื่อขี้ผึ้งเริ่มจับตัวกันเป็นก้อน ช่างเทียนจะนำเอาขี้ผึ้งไปพิมพ์ลงบนแม่พิมพ์โดยการใช้ขวดแก้ว คลึงขี้ผึ้งให้ได้ลวดลายตามแบบพิมพ์ก่อนจะนำขี้ผึ้งที่ขึ้นลายแล้วไปตัดแต่งลวดลาย เพิ่มความคมชัดตามต้องการ แล้วนำไปติดกับโครงที่ขึ้นเป็นรูปร่างไว้เป็นลวดลายอันวิจิตรตระการตา
กำลังหลักสำคัญที่ทำให้เทียนพรรษาสำเร็จได้อย่างงดงามคือกลุ่มแม่บ้านที่ต่างใช้ช่วงเวลานี้ ตระเตรียมอาหารเลี้ยงปากท้องช่างทำเทียนของท้องถิ่น เป็นการมีส่วนร่วมสืบสานประเพณีวัฒนธรรมอันดีงามที่เหล่าชาวบ้านเต็มใจช่วยโดยไม่ต้องเอ่ยปากขอแรง
อาหารที่ทำในแต่ละวันจะแตกต่างกันออกไป ขึ้นอยู่กับวัตถุดิบที่มีในช่วงเวลานั้น เพราะแต่ละวันชาวบ้านจะนำวัตถุดิบต่าง ๆ ที่มีในครัวเรือน ผลัดเปลี่ยนกันเข้ามาประกอบอาหาร แต่อาหารหลักที่ขาดไม่ได้เลย นั่นก็คือส้มตำ ที่บรรดาช่างทำเทียนฝีมือดี ต่างบอกเป็นเสียงเดียวกันว่า ลูกอีสาน หากขาดส้มตำ ก็จะขาดแรง
จากอาหารเพียงไม่กี่อย่าง ที่ปรุงขึ้นมาด้วยความเรียบง่าย และใจที่เปี่ยมไปด้วยความศรัทธาสามารถสร้างพลังให้กับช่างทำเทียน ทำให้เกิดผลงานที่สร้างชื่อเสียงให้กับคุ้มวัดบูรพา ด้วยการคว้ารางวัลชนะเลิศเทียนประเภทติดพิมพ์เมื่อปี พ.ศ. 2552 เป็นรางวัลให้ชาวบ้านในคุ้มวัดเล็ก ๆ มีกำลังใจจะสืบสานวัฒนธรรมประเพณีที่มีมาอย่างยาวนานตั้งแต่บรรพบุรุษ สร้างสรรค์งานอันเป็นเอกลักษณ์ใหม่ ๆ ออกสู่สายตาผู้คน ในขบวนแห่เทียนพรรษาประจำปีอันยิ่งใหญ่งดงามของจังหวัดอุบลราชธานี
ขอบคุณรูปภาพจากอินเตอร์เน็ต
No comments:
Post a Comment